การรับประทานอาหารของชาวล้านนา ปกติรับประทานเป็นมื้อ ซึ่งทั่วไปเรียก “คาบ” มีอยู่ 3 มื้อใหญ่ๆ คือมื้อเช้า เรียก “ข้าวงาย” มื้อกลางวัน เรียก “ข้าวตอน” และมื้อเย็น เรียกว่า “ข้าวแลง” ในกรณีที่ต้องลงมือทำงานหนัก เช่น ไถนา นวดข้าว ต้องทำงานแต่เช้ามืดต้องเพิ่ม “ข้าวเถาะ” คืออาหารรองท้องสำหรับผู้ลงงานในตอนเช้าด้วย
อาหารที่รับประทาน อาหารหลักคือ ข้าวเหนียว ซึ่งเรียกชื่อเฉพาะว่า “ข้าวหนึ้ง” มีกับข้าวอย่างน้อย 1 อย่าง และมักมีน้ำพริกประจำมื้ออยู่เสมอ
เฉพาะข้าว จะมีการ “หม่า” คือแช่ หรือหมักไว้หนึ่งคืน รุ่งเช้าก็นำมานึ่งแล้วเก็บไว้ในภาชนะ อาทิ กล่องข้าว ซึ่งเป็นภาชนะสาน หรือไหข้าวที่ใช้นึ่ง เก็บไว้รับประทานตลอดทั้ง 3 มื้อ
ส่วนอาหารที่เป็นกับ มีทั้งอาหารประเภทแกง ยำ ตำ คั่ว ต้ม นึ่ง ปิ้ง หรือ ทอดเป็นต้น
สำหรับสถานที่รับประทาน ส่วนใหญ่จะเป็นชานเรือน แต่ถ้ามีแขกมาร่วม มักรับประทานที่ “เติ๋น” คือบริเวณที่โล่งคู่กับห้องนอน
พฤติกรรมในการรับประทาน ปกติจะล้อมวงรับประทานกันทั้งครอบครัว โดยมีภาชนะสำหรับวางอาหารเป็นถาดที่ยกระดับขึ้นสูงเหนือพื้น เรียกว่า “โตก” หรือ “ขันโตก” การรับประทานจะต้องให้ผู้อาวุโส สูงสุด เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย หรือหัวหน้าครอบครัว เป็นผู้เริ่มก่อนเสมอเป็นธรรมเนียม หากผู้เริ่มยังไม่พร้อม ก็ยังรับประทานไม่ได้
ก่อนรับประทาน มักมีการลูบศีรษะ หรือหากมีอาหารที่มีน้ำมันเช่น ทอด หรือผัด ก็มักเอามือป้ายส่วนที่มีน้ำมันมาทาฝ่ามือก่อนเพื่อให้ฝ่ามือลื่นข้าวเหนียวจะได้ไม่ติดมือ เฉพาะเด็กๆ พ่อแม่มักปั้นข้าวยื่นให้ และถ้าเป็นเด็กเล็กจะทำเป็นคำๆ ไว้ให้หยิบใส่ปากโดยสะดวก
กริยาอาการในการรับประทานจะใช้ข้าวปั้นเป็นคำจิ้มอาหารหรือใช้ก้อนคำข้าวคีบอาหารส่งเข้าปาก บางครั้งก็ใช้ช้อนตักน้ำแกงขึ้นซด เมื่อรู้สึกผืดคอ
การรับประทานอาหารแต่ละมื้อ จะมีธรรมเนียมปฏิบัติซึ่งบางอย่างถือเป็นข้อห้าม บางอย่างถือเป็นมารยาทในการรับประทาน ดังนี้
- ไม่รับประทานก่อนผู้ใหญ่
- ไม่พูดคุยส่งเสียงดัง ตามคำพังเพยว่า “หื้อดักเมื่อกินข้าว ดักเมื่อเข้านอน” คือให้ “ดัก” (เงียบ) ขณะกินข้าว เงียบเมื่อจะเข้านอน
- ไม่พูดสิ่งที่น่ารังเกียจ เช่น ของเน่าเหม็น อุจจาระ เป็นต้น
- ไม่ทำอาการที่น่ารังเกียจ เช่น ผายลม ถ่มถุย สั่งน้ำมูก เป็นต้น
- ไม่ทำอาการที่ไม่สำรวม เช่น หัวเราะ หยอกล้อ เล่นกัน
- ไม่ทะเลาะวิวาทกัน
- ไม่นินทาผู้อื่น
- ไม่ดุด่า ตำหนิ หรือสั่งสอนกันในวงข้าว
- ไม่เคาะถ้วยชาม
- ไม่ “ยอแคม” คือ ยกถ้วยขึ้นซดน้ำแกง
- ไม่ใช้ปากเล็มข้าวที่ติดมือ
- ไม่ “กินบกจกลง” คือคดข้าวกินเฉพาะตรงกลาง
- ไม่กล่าวคำว่า “กั๊ดต๊อง” (คัดท้อง – แน่นท้อง) เมื่อรับประทานอาหารอิ่มแล้ว
- ไม่ “สกหม้อแกง” คือ หยิบอาหารในหม้อกินลับหลังคนอื่น
เมื่อเสร็จสิ้นการรับประทานอาหารแล้ว จะเก็บสำรับอาหารในส่วนที่เหลือ เพื่อเก็บไว้ในมื้อต่อไป โดยเฉพาะ “น้ำพริกตาแดง” จะคว่ำถ้วยลงเพื่อให้น้ำพริกอยู่ได้นาน เป็นการถนอนอาหารไปด้วยในตัว ส่วนอาหารที่เหลือและคิดว่าไม่เก็บไว้กิน ก็จะนำไปเทลง “หม้อข้าวหมู” สำหรับเป็นอาหารเลี้ยงหมูต่อไป
สิ่งที่เป็นวัฒนธรรมอีกอย่าง คือ หลังจากดื่มน้ำหลังอาหารและมักไปมวนบุหรี่สูบพร้อมอมเหมี้ยงอย่างสุขสำราญ
ข้อมูลจากหนังสือ ร้อยสาระ สรรพล้านนาคดี เล่ม 3 เขียนโดย อาจารย์สนั่น ธรรมธิ ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรม