ทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม เป็นแหล่งที่ตั้งอาศัยของคนไทหลายกลุ่มด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ไทขาว ไทดำ ไทแดง รวมถึงกลุ่มชนเผ่าต่างๆ ที่มีการแสดงออกทางเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีรูปธรรมที่เห็นได้ชัดเจนจากการแต่งกาย ประเพณีและที่อยู่อาศัย เป็นต้น ในด้านสถาปัตยกรรม บ้านเรือนที่อยู่อาศัยนั้น เป็นการแสดงออกถึงการดำรงชีวิตอีกด้านหนึ่ง เนื่องจากที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต เรือนของกลุ่มคนต่างๆ จึงสะท้อนถึงตัวตนของชาติพันธุ์นั้นๆ ออกมาอย่างชัดเจน โดยมีปัจจัยทางด้านวิธีคิดและความเชื่อประกอบกับสภาพภูมิศาสตร์ เป็นตัวกำหนดกฎเกณฑ์ในการตั้งถิ่นฐาน
กลุ่มชนชาวไทในเวียดนามมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย อาศัยอยู่ตามที่ราบลุ่มแม่น้ำระหว่างหุบเขา เลี้ยงชีพด้วยการทำการเกษตรกรรมและมีความเชื่อที่แฝงเกี่ยวกับธรรมชาติ ในรูปแบบของผี ซึ่งมีทั้งผีที่เป็นรูปแบบของเทพ คือ ผีแถนและผีที่คุ้มครองบ้านเรือนและคนในครอบครัว คือผีบรรพบุรุษ ถึงแม้ว่าไทดำและไทด่อน(ไทขาว) เป็นกลุ่มชนชาติเดียวกันแต่ลักษณะของแต่ละกลุ่มนั้นก็มีสิ่งที่สะท้อนถึงความเป็นตัวตนของกลุ่มชาติพันธุ์
การตั้งถิ่นฐานและวิถีชีวิตของกลุ่มชาวไทดำและไทด่อน(ไทขาว)
ในดินแดนสิบสองจุไท อันเป็นถิ่นที่อยู่ของชนชาติไทดำและไทด่อนมาแต่อดีต เป็นพื้นที่ราบลุ่มกว้างใหญ่ระหว่างหุบเขา ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนามเป็นเทือกเขาสูงทอดยาวลงมาจากทางตอนใต้ของจีน เทือกเขาที่สำคัญคือ ภูแดนดิน ภูสามเส้า สลับกับที่ราบลุ่มแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ ส่วนสภาพอากาศจะชุ่มชื้นจนถึงแห้งแล้ง เนื่องจากอยู่ใกล้กับเขตร้อนชื้นแถบศูนย์สูตร ในเขตป่าทึบและที่ภูเขาสูงจะมีสัตว์ป่าพืชพันธุ์ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้ประชาชนนิยมเลี้ยงชีพด้วยการเก็บของป่าและทำการเกษตร
จากสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ การดำรงชีวิตของกลุ่มไทจึงมีความเรียบง่าย สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเป็นอย่างดี ทั้งยังมีการเพาะปลูกเลี้ยงชีพอย่างพอเพียง โดยแต่ละบ้านจะมีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง เพื่อปลูกพืชเลี้ยงสัตว์พอกินพออยู่ภายในครัวเรือน ส่วนพื้นที่สาธารณะ เช่น หนองน้ำ แม่น้ำ บริเวณป่า ก็จะเป็นที่ของชุมชนในการหาปลาและของป่าได้ร่วมกันในสังคม ดังนั้นความเป็นอยู่ภายในแต่ละหมู่บ้าน จึงมีความสัมพันธ์กับอย่างแนบแน่น
การสร้างเมืองของกลุ่มไทในเวียดนาม
ตามความเห็นของนักวิชาการส่วนใหญ่หลายๆ ท่าน ต่างก็ให้เหตุผลที่ต่างกันว่าแหล่งที่คนไทอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นที่อยู่แต่เดิมหรือมีการโยกย้ายถิ่นฐาน เนื่องจากมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับต้นกำเนิดของกลุ่มไทที่เป็นตำนานของพญาแถน น้ำเต้าปุง และตำนานเมืองแถน อันเป็นต้นกำเนิดของเมืองในกลุ่มไท โดยมีความคล้ายคลึงกับตำนานเรื่องเล่าคล้ายกับเผ่าไทอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในจีนหรือลาว ซึ่งการกำเนิดของกลุ่มไทเรื่องการตั้งที่อยู่แต่เดิมนั้นยังเป็นปัญหาที่นักวิชาการยังให้ข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้ จึงมีอยู่หลายทฤษฏี เช่น ในตำนานน้ำเต้าปุงก็จะเชื่อมโยงการเกิดขึ้นของคนกลุ่มข่าแจะ ไทดำ ลาว ฮ่อ และสุดท้ายคือแกว (ญวน) ว่าเกิดมาจากน้ำเต้าลูกเดียวกัน จึงเสมือนเป็นพี่น้องกัน จากตำนานและเรื่องเล่านี้มีการนำเอากลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในแถบนั้นมาร้อยเรียงให้เกิดการเชื่อมโยงกันระหว่างเชื้อชาติ
ในอดีตหัวเมืองต่างๆ ของไทดำที่มีเจ้าเมืองคนไทปกครองอยู่นั้น มีจำนวนทั้งหมด 16 เมือง แต่ในช่วงที่ประเทศฝรั่งเศสเข้ามาปกครองเวียดนามและได้มีแบ่งดินแดนกับจีนเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้ยกเมืองให้จีนไป 6 เมือง จึงเหลือเพียง 10 เมือง ภายหลัง ฝรั่งเศสได้ยกระดับหัวเมืองย่อยขึ้นมาเป็นเมืองหลักอีก 2 เมือง จึงรวมเป็น 12 เมือง และเรียกว่า สิบสองจุไท[1] ซึ่งเป็นเมืองที่มีกลุ่มไทด่อน อาศัยอยู่ 4 เมืองและไทดำอาศัยอยู่ 8 เมืองดังนี้[2]
จำนวนเมืองทั้งหมดของกลุ่มไทที่กล่าวในข้างต้นนั้น เมืองไล เมืองสอ เมืองเติ๊ก และ
เมืองสาง เป็นเมืองที่ไทด่อนอยู่อาศัย โดยมีเมืองไลเป็นศูนย์กลาง ส่วนเมืองศูนย์กลางของกลุ่มไทดำคือเมืองแถน ในอดีตคนไทมีการแบ่งกลุ่มของตัวเองตามชื่อเมืองที่อาศัยอยู่ เช่น ไทเมืองลอ ไทเมืองสาง เป็นต้น ภายหลังเมื่อชาวตะวันตกเข้ามา มีการใช้สีของชุดที่สวมใส่ และลักษณะทางกายภาพอื่นเป็นตัวแบ่งประเภทของคนไทตามโลกทัศน์ชาวตะวันตก ทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกันของกลุ่มคนไทในพื้นที่รวมถึงคนภายนอกที่เข้าไปศึกษาวิถีชีวิตของกลุ่มคนไทในช่วงแรกๆ
[1] คำจอง. 2537. ประวัติศาสตร์และเอกสารไทดำในเวียดนาม. เอกสารประกอบการสัมมนาวิชาการ. หน้า 2-3 .
[2] ประวัติศาสตร์สิบสองจุไท . ภัททิยา ยิมเรวัต . 2544. หน้า 15.
สภาพภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อมในการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มไท
ไทดำและไทด่อนเป็นกลุ่มคนไทที่นิยมตั้งถิ่นฐานในแถบที่ราบลุ่มหุบเขา เลียบลำน้ำตลอดสองข้าง ซึ่งแม่น้ำที่สำคัญคือแม่น้ำดำ หรือ “น้ำแต” ตามภาษาไท หรือ “ซงดา” ในภาษาเวียดนาม โดยทั่วไปแล้วไทดำและไทด่อนจะมีวิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกัน แต่จะต่างกันบ้างที่ความเชื่อเรื่องการนับถือผี ภาษาและการแต่งกาย เช่น ไทดำจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่กลุ่มไทด่อนไม่มีคือการใช้ “ผ้าเปียว” ซึ่งเป็นผ้าคลุมศีรษะสำหรับสตรีที่แต่งงานแล้ว เป็นต้น
การสร้างบ้านเรือนและแหล่งที่อยู่อาศัยของไทดำและไทด่อนนั้น จะมีลักษณะพิเศษของกลุ่มคนไทที่เห็นได้ชัดว่าแตกต่างกันกับชนชาติอื่นๆ คือ
1. ลักษณะที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ มีทำเลเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำไหลผ่าน ดังนั้นหมู่บ้านจะอยู่ระหว่างกลางของภูเขาสูงขนาบทั้งสองด้าน ซึ่งจะไม่พบกลุ่มไทสร้างบ้านอยู่ตามสันเขาหรือที่สูงเลย
2. การตั้งบ้านเรือนจะกระจุกตัวอยู่ในบริเวณเดียวกันบนที่ราบเชิงเขา หรือเป็นที่ดอน ส่วนที่ทำการเกษตรจะอยู่บริเวณริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นที่ต่ำลงมา โดยที่ดินในการทำการเกษตรจะแยกออกมาคนละส่วนไม่ปะปนกับพื้นที่สร้างบ้านเรือนในหมู่บ้าน เมื่อชาวบ้านออกไปทำนาก็จะเดินทางออกจากบ้านเรือนของตนไปยังที่นาซึ่งจะอยู่ใกล้กัน
3. ถัดจากบริเวณหมู่บ้านขึ้นไปทางเนินเขาก็จะเป็นที่ป่า ตามความคิดของคนไทดำเชื่อว่า ป่าคือที่อยู่ของผีซึ่งเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นบริเวณนี้จึงเป็น “ป่าแฮ่ว” หรือป่าช้าที่ใช้ในพิธีกรรมฝังคนตาย โดยมีการถวายหรือทำบุญให้ศพด้วยการสร้างบ้านหลังเล็กๆ ไว้ครอบหลุมศพ หรือเรียกว่า “เฮือนแฮ่ว”
4. กลุ่มคนไท มีความสามารถในการจัดสรรน้ำเพื่อใช้ในการเกษตรได้เป็นอย่างดี เนื่องจากพื้นที่ทำการเกษตรอยู่บนพื้นราบ ไม่สามารถสร้างทางกั้นน้ำได้สะดวกนัก จึงใช้วิธีการทำกังหันวิดน้ำ หรือ “หลุก” ในการปันน้ำเข้าสู่ที่นา ระบบการจัดการน้ำนี้เรียกว่า “เหมือง ฝาย หลาย ริน”[1] มาจาก
- เหมือง คือ คลองส่งน้ำ
- ฝาย เป็นเขื่อนกั้นน้ำและกักเก็บน้ำ
- หลาย คือคันดินหรืออาจจะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ที่ใช้กั้นเพื่อลัดน้ำ
- ริน คือท่อส่งน้ำไปยังแปลงนา รินในระยะแรกน่าจะเป็นไม้ไผ่
[1] ประวัติศาสตร์สิบสองจุไท . ภัททิยา ยิมเรวัต . 2544. หน้า 51.
เรื่องเเละภาพประกอบโดย : นางสาวฐาปนีย์ เครือระยา