เสวียน เป็นเครื่องสานขนาดใหญ่ โดยปกติมักทำเป็นทรงกลมไม่มีก้นและไม่มีฝา สานด้วยซีกไม้ไผ่ ขนาดกว้างประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร เป็นลายข้าม ตัวเสวียนมักจะกว้างประมาณ 1- 2 เมตร ตามประโยชน์ใช้สอย ในกรณีที่ใช้เสวียนเป็นเครื่องป้องกันดินขอบบ่อน้ำถล่มนั้น ชาวบ้านมักจะเริ่มสานเสวียนจากก้นบ่อจนสูงพ้นผิวดิน
เท่าที่มีการใช้งานทั่วไปนั้น ผู้ที่ยังไม่มีฐานะดีพอที่จะสร้างยุ้งข้าวได้ มักจะใช้เสวียนเป็นที่เก็บข้าวเปลือกไว้บริโภคในครัวเรือนของตน เจ้าของเสวียนจะกะขนาดของเสวียนให้พอเหมาะกับปริมาณข้าวเปลือกที่ตนทำมาหาได้ ซึ่งมีปริมาณไม่มากนัก ถ้าจะทำยุ้งข้าวก็ไม่สมกับจำนวนข้าวที่จะเก็บ หรือแม้แต่ผู้ที่มีที่นามากแต่ยังไม่มียุ้งสำหรับเก็บข้าว ก็จะใช้เสวียนขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กแต่จำนวนหลายเสวียนเป็นที่เก็บข้าวเปลือก ก่อนจะมี หลองเข้า หรือยุ้งข้าวเป็นที่เก็บข้าวเปลือกอย่างถาวร การใช้เสวียนเป็นการใช้ชั่วคราว เมื่อใดที่สามารถปลูกยุ้งข้าวได้ก็เลิกใช้เสวียนเมื่อนั้น
มีนิทานเรื่องการสานเสวียน ที่เล่ากันเป็นเรื่องตลกว่ามีลูกเขยมาอยู่กับเมียตอนแรกๆ ลูกเขยคนนี้ทำอะไรไม่ค่อยเป็น วันหนึ่งพ่อเมียใช้ให้ลูกเขยสานเสวียน ลูกเขยจะบอกว่าสานไม่เป็นก็อาย ความจริงก็เคยเห็นคนอื่นสานมาบ้างแต่ไม่ได้สนใจ เมื่อเตรียมอุปกรณ์ได้แล้ว จึงลงมือสานตั้งแต่กินข้าวงาย (อาหารมื้อเช้า) แล้วจนใกล้จะกินข้าวตอน ( ข้าวกลางวัน ) จึงสานเสร็จพอดี ฝ่ายเมียก็เตรียมสำรับข้าวอยู่บนบ้านและเรียกสามีให้ขึ้นไปกินข้าว แต่ลูกเขยใหม่ไม่รู้จะออกจากเสวียนไปได้อย่างไร เพราะไม่เคยสังเกตว่าคนอื่นสานแล้วเขาออกทางไหน ทั้งนี้เสวียนเมื่อวานแล้วก็จะมีความสูงท่วมหัว จะปีนขึ้นทางปากเสวียนก็ไม่ได้เพราะไม่มีอะไรพออาศัยปีนขึ้นได้ เมียก็เรียกกินข้าวอยู่นั่นแหละ คิดหาทางออกอย่างไรก็คิดไม่ออก ทำเอาลูกเขยเหงื่อแตก จะตะโกนถามเมียก็จะเสียเหลี่ยม พอดีมองออกมาข้างนอกเห็นน้องเมียกำลังเล่นฝุ่นอยู่ จึงทำเป็นแกล้งถามน้องเมียว่า “ไอ่น้อง คิงว่าพี่ชายจะออกจากเสวียนทางใดเอ้า” น้องเมียก็ตอบขึ้นทันทีว่า “พี่ชายก็พึดออกทางลุ่มน่าก่า ลูกเขยจึงนึกได้และ “พึด” คือยกส่วนล่างของเสวียนข้างหนึ่งขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ลอดออกมาแล้วพูดกับน้องเมียว่า “เอ่อ มึงเก่ง”